เมื่อได้เข้าวัดพระธรรมกายมาได้ ระยะนึงประมาณ2-3เดือน ปัญหาก่อนเข้าวัดฯที่มีคือ ถูกตำรวจส่งฟ้องศาลเนื่ องจากเมาขับรถและชนมอเตอร์ไซด์ คนได้รับบาดเจ็บ โดยคดีต่างๆก็ดำเนินไปในชั้นสื บสวนของศาล คดีก็ดำเนินไป งานผมก็ทำไป สตางค์ก็ไม่ค่อยมี ทำงานมาก็ไม่เคยมีเงินเก็บใช้จ่ ายเดือนชนเดือนแบบไม่มีหนี้สิน
ส่วนตัวผมหลังจากเข้าวัดก็ถือศี ล 5-8 สลับไปมาและเข้าวัดทุกวันเสาร์ อาทิตย์ โดยไปช่วยงานอะไรที่วัดฯก็ ทำไปหมด ใครให้ไปไหนก็ไป ไม่มีสังกัด ไม่รู้จักใคร ทำไปเรื่อยๆวันไหนนอนที่วัดได้ ก็นอน ผลการนั้งสมาธิปฏิบัติ ธรรมแบบไม่มีพื้นฐาน 2-3 เดือนโดยทำตามเสียงนำนั้งสมาธิ ไปเรื่อย ก็มืดตื้อมืดมิด มึนงงบ้างตามแรงบีบเค้น นั้งไปปวดเหมื่อยไปหมดทุกส่วนตั้งแต่เล็บเท้ายันปลายผม สลับหมุนเวียนกันไปเกือบทุกอวั ยวะ แต่ก็อดทนเอาเพราะรู้ว่าสมาธิดี และคิดว่าเป็ นเวรกรรมของเราเองที่เคยกินเหล้ ามาแต่ก็สู้แบบ มวยวัดคือ มีเป้าก็วิ่งไปชนเป้า
แต่ธรรมะที่หลวงพ่อธัมมชั ยโยเทศน์รู้สึกฟังแล้วเข้ าใจมากกว่าที่เคยได้ยินที่ ไหนมาก่อน เลยไปซื้อหนังสือและเทป
หลวงพ่ อเอาไปฟังเพราะรู้สึกฟังง่ ายและเข้าใจ และยิ่งฟังซ้ำมากก็ยิ่งเข้าใจ
ทำให้ช่วง 2 เดือนหลังจากเข้าวัด ที่ทำงานมีคำชมว่า ทำงานดีขึ้น หน้าตาผ่องใส พูดคุยดีขึ้นมากแบบผิดปรกติ ยอดขายสินค้าทะลุเป้า และเมื่อย้ายงานก็ได้เงินเดื อนเพิ่มขึ้นเกือบ 100% ทำให้ปัญหาเรื่องสตางค์ถูกแก้ ไขไป
ส่วนเรื่องคดีความต่างๆ แปลกมากคือ เหมือนผมไม่ต้องทำอะไรเลย ทุกอย่างเหมือนถูกแก้ไขด้วยตั วมันเอง คดีจากตำรวจส่งให้ศาล ศาลนำสืบโดยเจ้าหน้าที่ เรียกผู้เสียหายมาตกลงผู้เสี ยหายคนขับรถมอเตอร์ไซต์กลับไปต่ างจังหวัดแล้ว ในวันขึ้นศาลก็นั้งรถไฟมาขึ้ นศาลให้และบอกยอมความคดีต่ างๆเลยจบลงด้วยดี โดยผมแถบไม่ต้องทำอะไรเลยคือ ไปวันที่ศาลนัด 1วัน คุยกับผู้เสียหาย 1วัน จบ ตำรวจและเจ้าหน้าที่ศาลบอกเป็ นเสียงเดียวกันว่า "ดูแล้วคุณไม่น่ามีพิษมีภั ยและน่าสงสาร" เลยพยายามช่วยให้ ซึ่งผมก็ไม่เคยขึ้นศาลมาก่อนไม่ รู้เรื่อง ไม่แต่งตั้งทนาย ไม่เตรียมอะไรเลย ไปศาลคนเดียวทำอะไรคนเดี ยวหมดไม่รู้ทำอย่างไรแต่ก็ผ่านได้หมด เหตุการณ์นี้ เหมือนมีพายุผ่านมาโดยเราหลบอยู่ในฐานกำบังแบบสบายๆ แล้วพายุก็ผ่านไปเราก็ออกมาฟ้ าสดใสตอนนั้นรู้สึกแบบนั้นจริ งๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น